Wednesday, August 13, 2014

ส่งมอไซค์ ทั่วประเทศ Trans4Bike เจ้าแรกที่ใช้ลิฟท์ยกรถ ไฮโดรลิก


ส่งมอไซค์ ทั่วประเทศ Trans4Bike from Shoptisfy on Vimeo.
ส่งมอไซค์ ทั่วประเทศ Trans4Bike เจ้าแรกที่ใช้ลิฟท์ยกรถ ไฮโดรลิก ปลอดภัยในการขนขึ้นลงรถ และเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่บริษัทประกันรับประตัวรถมอไซค์ ด้วยทุนประสูงสุด 1 ล้านบาท สนใจสอบถามค่าบริการและรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/Trans4Bike

ทาง Shoptisfy เป็นตัวกลางในการโฆษณาให้ Trans4bike เท่านั้น เพราะฉนั้นมีอะไรติดต่อโดยตรงกับทาง Trans4bike ทาง Shoptisfy ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Trans4bike ใดๆทั้งสิ้น

Monday, August 11, 2014

เทคนิคการยกรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์และรถมอเตอร์ไซต์ขนาดใหญ่



วิธีการยกมอไซค์บิ๊กไบค์


การขับขี่รถมอเตอร์บิ๊กไบค์หรือมอร์เตอร์ไซต์ขนาดใหญ่ บางครั้งปัญหาในการขับขี่อาจไม่ใช่เรื่องของสมรรถนะ ประสิทธิภาพ ความเร็ว ความแรง ความแข็งแกร่งหรือความคงทน แต่ปัญหาที่ว่าคือ ปัญหารถล้มและวิธีการยกรถ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยนึกถึง เพราะมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในการขับขี่รถมอเตอร์ไซต์ของตน แต่ถ้าวันหนึ่งมันเกิดขึ้นกับเราล่ะ เราจะทำอย่างไร ?



การยกรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์

การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ของรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับผู้ที่มีรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์หรือรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์ การดูแล รวมไปถึงเทคนิคและวิธีการยกรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถล้ม ซึ่งการยกรถมอเตอร์ไซต์ขนาดใหญ่ จำเป็นต้องยกให้ถูกวิธี เพราะมิฉะนั้นแล้วอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ยกได้

ทำอย่างไรเมื่อรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ล้ม ?

สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดและเราควรปฏิบัติเป็นอันดับแรกหลังจากที่รถมอเตอร์ไซต์ล้ม ไม่ใช่เรื่องของการยกรถ แต่เป็นการประเมินตัวของเราเอง ประเมินสภาพแวดล้อมและประเมินสภาพของตัวรถ



สิ่งสำคัญของการประเมิน

1. การประเมินตนเอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้รถของเราล้ม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการประเมินสภาพร่างกายของเราเอง ว่าร่างกายของเราได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่ และมีความพร้อมมากแค่ไหนที่จะยกรถด้วยตัวเอง เพราะหากร่างกายของเราได้รับบาดเจ็บและไม่พร้อมที่จะยกรถ อย่าฝืนยกรถเองเป็นอันขาด เพราะจะยิ่งทำให้เราบาดเจ็บมากขึ้น อาจทำให้กระดูกหักหรือเดาะได้

2. ประเมินสภาพแวดล้อม หลังจากประเมินตนเองแล้ว ควรประเมินสภาพแวดล้อมว่าเหมาะสมที่จะยกรถหรือไม่ เช่นหากมีน้ำมันรั่วไหลหรือพื้นถนนลื่น การยกรถเพียงคนเดียวอาจทำให้เกิดอันตรายได้

3. ประเมินสภาพรถ เมื่อประเมินตนเองและสภาพแวดล้อมแล้ว สภาพของรถก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ถ้ารถไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะยก อย่ายกเด็ดขาด อย่างเช่น เครื่องยนต์ยังสตาร์ทอยู่ วาล์วน้ำมันเปิด หรือมีน้ำมันรั่วไหล

เทคนิคการยกรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์



เทคนิคที่ 1 ยกโดยหันหน้าออกจากตัวรถ
1. นั่งบนเบาะรถฝั่งที่รถล้ม โดยหันหน้าออกจากตัวรถ
2. หักแฮนด์จนสุดในด้านที่ล้ม
3. ใช้ก้นดันตัวรถ โดยใช้มือหนึ่งจับที่แฮนด์รถและอีกมือหนึ่งจับที่เฟรมรถมอเตอร์ไซด์ในส่วนที่แข็งแรงบริเวณท้ายรถ
4. ค่อย ๆ ดันรถขึ้นทีละน้อย จนรถสามารถตั้งตรงได้อีกครั้ง

เทคนิคที่ 2 ยกโดยหันข้างเข้าหาตัวรถ
1. หันข้างเข้าหาฝั่งที่รถล้ม
2. หักแฮนด์จนสุดในด้านที่ล้ม
3. ใช้ช่วงสะโพกและต้นขาช่วยดันรถให้ยกตัวขึ้น ค่อย ๆ ดันรถขึ้นทีละน้อย จนรถตั้งตรง

ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคง่าย ๆ ในการยกรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์และรถมอเตอร์ไซต์ขนาด ใหญ่ ที่จะช่วยให้สามารถยกรถได้ง่ายขึ้นโดยไม่เกิดอันตรายต่อตัวของเราแม้แต่น้อย...


สนใจบริการส่งมอไซค์ติดต่อได้ที่
https://www.facebook.com/Trans4Bike
081-444-9966, 088-333-6611, 081-854-4223

วงการรถมอเตอร์ไซค์มือสอง

การซื้อมอเตอร์ไซค์มือสอง 

ก็ไม่ต่างจากการซื้อรถยนต์มือสองเท่าไหร่ แต่หลายๆคนอาจสงสัยเพราะราคารถมอเตอร์ไซค์นั้นต่ำกว่ารถยนต์มาก แล้วทำไมยังมีการซื้อขายมอเตอร์ไซค์มือสองกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งหลายๆคนคงไม่ทราบถึงเหตุผลว่าทำไมหลายๆคนจึงนิยมซื้อมอเตอร์ไซค์มือสอง



เหตุผลหลายๆอย่างคือ บางคนมีธุรกิจรับซื้อ-ขายมอเตอร์ไซค์มือสอง ซึ่งอาจมีการส่งต่อไปขายยังต่างจังหวัด หรือ บางคนรับซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมาเพื่อทำการโมดิฟาย หรือ ตกแต่งใหม่ บางคนมอเตอร์ไซค์มือสองในสภาพที่ขับขี่ไม่ได้แล้ว เพียงแต่ซื้อเพราะต้องการอะไหล่มาเปลี่ยนก็มี ซึ่งในวงการรถมอเตอร์ไซค์นั้นจะมีการประมูลรถจักรยานยนต์ในลักษณะนี้ รวมถึงประมูลรถยึดจากคดีต่างๆ ซึ่งบางคันมีสภาพที่สามารถนำมาปรับปรุงตกแต่งและขายต่อได้



นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายมอเตอร์ไซค์มือสองจากต่างประเทศ เช่น ชอปเปอร์ บิ๊กไบค์ รถวิบาก ซึ่งมีหลายๆยี่ห้อที่เราคงพอคุ้นกันดี ซึ่งบางร้านนั้นอาจเป็นรถนำเข้ามือหนึ่ง บางร้านก็เป็นมือสองนำเข้า แต่เป็นลักษณ์ที่ถูกกฎหมาย จดทะเบียนได้ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ความต้องการของผู้ที่ทำธุรกิจ และ ผู้ซื้อว่าต้องการแบบไหน และ สำหรับในวงการรถมอเตอร์ไซค์เรานั้น ค่อนข้างคึกคักทั้งมอเตอร์ไซค์มือหนึ่งและมอเตอร์ไซค์มือสอง เพราะความต้องการของตลาดมีค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในกลุ่มที่สะสมรถเก่า อย่างเช่น รถมอเตอร์ไซค์โบราณ ซึ่งมีทั้งรถญี่ปุ่น และ รถยุโรป ที่หลายๆคนอาจจะเคยเห็นขับขี่กันตามท้องถนน ซึ่งมีความสวยงาม คลาสิค ซึ่งในปัจจุบันรถเหล่านี้นั้นไม่มีผลิตออกมาแล้ว จึงจำเป็นต้องหาจากแหล่ง มอเตอร์ไซค์มือสองและต้องขอบอกว่าราคาไม่ถูกเลยเพราะบางรุ่นหาแทบไม่ได้แล้วก็มี



ซึ่งเมื่อสมัย 10 ปีก่อนนั้นการกว้านซื้อรถเก่าโบราณนั้นเป็นอะไรที่นิยมกันมาก ในตลาดมอเตอร์ไซค์มือสอง ค่อนข้างคึกคักมาก แต่พอกระแสเริ่มนิ่งสำหรับรถโบราณ ตลาดมอเตอร์ไซค์มือสองก็มีการเปลี่ยนแปลงคึกคักจากรถรุ่นใหม่ๆ ที่ถูกยึดจากไฟแนนซ์กลายมาเป็นมอเตอร์ไซค์มือสองมากขึ้น และยังมีธุรกิจนายหน้าเงินกู้ที่ให้ผู้คนไปดาวน์รถมอเตอร์ไซค์นำมาแลกเงินสดซึ่งมีค่อนข้างเยอะ และ รถเหล่านี้ก็จะถูกจำหน่ายต่อในตลาดมอเตอร์ไซค์มือสอง ซึ่งบางครั้งส่งไปประเทศเพื่อนบ้านก็มี ซึ่งต้องบอกว่าทำให้วงการมอเตอร์ไซค์มือสองได้รับผลกระทบเพราะส่วนใหญ่คนจะมองว่าเป็นรถขโมยมากกว่าซื้อมาขาย และสำหรับมอเตอร์ไซค์มือสองที่นำเข้าจากต่างประเทศเองก็เคยมีปัญหาเรื่องการจดทะเบียน เพราะมีผู้ประกอบการมักง่ายบางรายสวมทะเบียนแบบผิดกฎหมายหรือนำเข้ามาแบบผิดกฎหมายทำให้การทำธุรกิจมอเตอร์ไซค์สองได้รับความเสียหายมากพอสมควร และนี่คือเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวงการรถมอเตอร์ไซค์มือสองที่หลายๆคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

Wednesday, August 6, 2014

ย้อนรอยการแต่งรถมอเตอร์ไซค์

สำหรับการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ 

นั้นเริ่มตั้งแต่ยุคไหนอาจตอบไม่ได้ก็คงเริ่มตั้งแต่มีการผลิตรถมอเตอร์ไซค์และจำหน่ายในบ้านเราเลยก็ว่าได้ ซึ่งสำหรับกลุ่มคนรักรถมอเตอร์ไซค์ในยุคนี้อาจจะไม่ทราบว่าในยุคก่อนๆนั้นเขาแต่งรถมอเตอร์ไซค์กันแบบไหน ทำกันอย่างไร เพราะเชือว่าเครื่องมือต่างในสมัยก่อนคงไม่สะดวกเท่ายุคนี้ อะไหล่ และ อุปกรณ์ต่างๆก็ไม่เยอะ และ สมัยนั้นเขาฮิตแต่งรถมอเตอร์ไซค์ กันแบบไหนเราลองมาย้อนรอยกันดู



ในยุคสมัยก่อนสักประมาณ 20 ปีที่แล้วถือว่ารถมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นพาหนะที่วัยรุ่นชื่นชอบและนิยม หากใครไม่มีถือว่าเชยและสาวไม่มอง ซึ่งในยุคนั้นการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ ก็มีทั้งแบบความแรง และ ความสวยงาม หรือ บางคนทำทั้งสองอย่าง ซึ่งการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ให้แรงนั้นเป็นเพราะสมัยนั้นในคืนวันเสาร์จะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆและมาประลองกัน ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีซึ่งถือว่าไม่ดีเลยเพราะผิดกฎหมายแต่มันก็เป็นตามสมัยนิยม และ การแต่งรถมอเตอร์ไซค์ให้เร็วแรงนั้น ในยุคนั้นมักทำโดยการปรับจูนระบบเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ ซึ่งสมัยนั้นนิยมรถแบบ 2 จังหวะ มากกว่า 4 จังหวะ ซึ่งการปรับแต่งรถมอเตอร์ไซค์ จะนิยมเพิ่มไซค์ลูกสูบ คว้านเสื้อสูบ เปลี่ยนคาร์บูเรเตอร์ ปรับจูนอากาศ ปรับท่อไอเสียให้เสียงดังๆ นั่นคือเท่ห์และแรง ส่วนการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ให้สวยงาม ก็จะนิยม เปลี่ยนล้อใหม่ ใส่แม๊กซ์บ้าง ล้อเล็กอลูมิเนียมบ้าง ขึ้นซี่ลวดใหม่ ใส่น๊อตสเตลเสล น๊อตสี และ ติดสติกเกอร์ลายสวยๆรอบคัน หรือ ทำสีกันใหม่ ซึ่งสมัยนั้นวัยรุ่นจะนิยมใช้สีเปรย์พ่นกันเอง มากกว่าจ้างช่างพ่นสีรถยนต์ทำให้เพราะมีราคาแพง และ ชุดสีแต่งยังไม่มีจำหน่ายมากเหมือนปัจจุบัน

ซึ่งการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ ก็ยังมีให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบันแต่รูปแบบเปลี่ยนไป เพราะ รถมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะนั้นปัจจุบันไม่มีผลิตกันแล้วที่เหลือๆอยู่ก็เป็นรถมือสอง เพราะส่วนใหญ่เน้นไปที่ 4 จังหวะเพราะมลพิษน้อยกว่า ประหยัดน้ำมันมากกว่า ซึ่งการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ ก็เปลี่ยนไปตามระบบเครื่องยนต์ และ ด้านความสวยงามของแต่งก็มีเพิ่มมากขึ้น มีการผลิตและทำสี ลวดลายต่างๆมากมาย ทั้งจากผู้ผลิตเอง และ ร้านผลิตอื่นๆ เช่น ลวดลายเคฟลาร์ ตามแบบรถยนต์ในสนามแข่ง สีสันลวดลายใหม่ๆ ที่มีออกมาตามรถแต่ละรุ่น การตกแต่งความแรงก็เปลี่ยนไป เช่นเพิ่มความแรงโดยการเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือโมดิฟายชิ้นส่วนบางอย่างเช่น ชามคลัช สายพาน ในรถออโตเมติกซ์ ส่วนแบบอื่นๆก็ยังใช้วิธีแต่งรถมอเตอร์ไซค์ในแบบเดิม ๆ และการแต่งรถมอเตอร์ไซค์นั้นก็ต้องควรระวังไม่ให้ผิดกฎหมาย เช่น การแต่งรถมอเตอร์ไซค์ไปแข่งความเร็ว แน่นอนว่าอันนี้ผิดแน่ๆ หรือ แต่งแรงแต่ไม่แข่งก็ต้องไม่ทำให้ท่อไอเสียมีความดังเกินกว่ากฎหมายระบุ หรือ แต่งรถมอเตอร์ไซค์สวยงาม ก็ต้องดูด้วยว่าไม่ผิดกฎหมายเช่นสีรถ หรือ โหลดเตี้ยจนดูเป็นรถแข่ง หรือ ไฟหน้า และ ท้าย เป็นสีอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าตำรวจต้องเรียกตรวจก่อนรถสภาพเดิมๆแน่นอน หากเจอด่านตามท้องถนน ซึ่งหากให้แนะนำการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ นั้นคงบอกเป็นแนวๆได้ว่าทำแต่พอดี เช่น เปลี่ยนล้อ หรือ ขึ้นซี่ลวดถี่ๆแบบมีสีสันให้เข้ากับรถ เปลี่ยนน๊อตเป็นสเตนเลส หรือ น๊อตสี ปาดเบาะให้แค่พอสวยงาม ใส่เคฟลาร์บางส่วน ใส่ปลอกแฮนด์และเปลี่ยน๊อตปลายแฮนด์ รับรองว่าแค่นี้ก็เท่ห์จนใครๆต้องมองแล้ว และ ขอบอกว่าหากแต่งรถมอเตอร์ไซค์ ให้สวยจัดๆ รับรองว่ามีโอกาสหายได้ง่ายกว่ารถเดิมนะจะบอกให้

Monday, August 4, 2014

รีวิว Honda CBR1000RR 2013

Honda CBR1000RR 2013

Honda CBR1000RR 2013 รถมอเตอร์จากตระกูลฮอนด้า ที่มาพร้อมความสมบูรณ์แบบในสไตล์สปอร์ต ทรงสมรรถนะและมีประสิทธิภาพในการขับขี่สูงสุด ที่ทางฮอนด้าตั้งใจคิดค้นเพื่อ Honda CBR1000RR 2013 โดยเฉพาะ



Honda CBR1000RR 2013 มาด้วยเครื่องยนต์ขนาด 999 ซีซี เกียร์ 6 สปีด ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบสี่สูบเรียงแถว แรงม้าขนาด 175 แรงม้า ซึ่งอาจไม่แรงมากนักเมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซต์รุ่นและยี่ห้ออื่น ซึ่งฮอนด้ามองขาดกว่านั้นว่าแรงม้ามีความสำคัญน้อยกว่าความแรงในช่วงกลาง ระบบกันสะเทือนและยางรถที่ Honda CBR1000RR 2013 ได้รับการยืนยันว่าเป็นที่สุดยิ่งกว่ารถมอเตอร์ไซต์คันใด



นอกจากนี้ Honda CBR1000RR 2013 ยังได้รับการออกแบบและปรับปรุงระบบการจ่ายน้ำมัน ระบบเบรก ระบบกันสะเทือนและแฟริ่งแบบใหม่
- ระบบจ่ายน้ำมันเปลี่ยนแปลงให้เครื่องยนต์มีความนุ่มนวลเมื่อมีการบิดคันเร่งเพิ่มมากขึ้น
- ระบบเบรก เพิ่มความแม่นยำและสมรรถนะในการเบรกให้มีมากขึ้น
- ระบบกันสะเทือนแบบใช้โชคหลังท่อคู่ ช่วยให้การเกาะถนนเป็นเยี่ยม ลดแรงสะเทือนและอุบัติเหตุ



แม้แรงม้าของ Honda CBR1000RR 2013 จะไม่สูง แต่ฮอนด้าตั้งใจให้ Honda CBR1000RR 2013 มีความโดดเด่นในเรื่องของความแรงช่วงกลาง การเข้าโค้งที่แม่นยำ ระบบกันสะเทือนที่ทรงประสิทธิภาพ รวมทั้งการขับขี่ที่ราบลื่นในทุกสนามและทุกถนนที่ขับขี่



Honda CBR1000RR 2013 มีระบบคอมไบน์ ABS บนจานเบรกขนาด 320 มม ที่สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ทรงพลังและมีความปลอดภัยสูงสุดยิ่งกว่ารถมอเตอร์ไซต์รุ่นใดจะเทียบเคียงได้ สามารถหยุดได้ทันทีและซ้ำไปซ้ำมาได้เท่าที่ใจต้องการ

Honda CBR1000RR 2013 มาด้วยสีสันที่โดดเด่น สะดุดตาและสวยงาม รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูโฉบเฉี่ยว เท่ และเข้มแข็ง สมแล้วที่เป็นรถมอเตอร์ไซต์จากตระกูลฮอนด้า



ผลการทดสอบการขับขี่ของ Honda CBR1000RR 2013


อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Honda CBR1000RR 2013 ไม่ได้เน้นในเรื่องของกำลังแรงม้าที่สูง แต่ให้ความสำคัญในเรื่องของสมรรถนะของความแรงในช่วงกลาง ซึ่งจากผลการทดสอบแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Honda CBR1000RR 2013 ทรงสมรรถนะในความแรงช่วงกลางอย่างแท้จริง สามารถเร่งความเร็วและขับขี่ได้อย่างราบรื่นกว่ารถมอร์เตอร์ไซต์รุ่นอื่น ๆ ที่สำคัญระบบกันสะเทือนและระบบเบรกของ Honda CBR1000RR 2013 ยังสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมกว่า ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถมอเตอร์ไซต์และการขับขี่ได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ทำให้สามารถตอบสนองได้ทุกการขับขี่และทุกความเร็วในทุกที่ที่ใจต้องการ



ราคารถ Honda CBR1000RR 2013 

สำหรับราคารถ Honda CBR1000RR 2013 ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่
Honda CBR1000RR รุ่นไม่มี ABS ราคา $13,000
Honda CBR1000RR รุ่น C-ABS ราคา $14,800

ได้เห็นสมรรถนะ ผลการทดสอบและราคาของ Honda CBR1000RR 2013 แล้วอย่างนี้ คนรัก รถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ เห็นทีจะพลาดไม่ได้ที่จะจับจองเป็นเจ้าของ Honda CBR1000RR 2013 สักคัน...

Sunday, August 3, 2014

รถยกผู้ช่วยคนสำคัญบนท้องถนน

รถยกผู้ช่วยคนสำคัญบนท้องถนน รถยก คืออะไร รถยกคือพาหนะที่มีไว้ยกรถ หรือ ลากรถ ที่เสียหรือเกิดอุบัติบนท้องถนนที่ไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือ มอเตอร์ไซค์ Big Bike เพื่อเคลื่อนย้ายไปยังปลายทางที่ต้องการ ซึ่งปัจจุบันในบ้านเรามีผู้ให้บริการไม่มากนัก เพราะ การเรียกใช้รถยกนั้นมีไม่มากเท่าไหร่ และ หลายๆคนคิดว่าราคาต้องแพง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่แพงอย่างที่คิด หากเทียบกับความสะดวกสบายในการนำรถที่มีปัญหาไปยังจุดหมายต่างๆ ซึ่งผู้ให้บริการรถยกนั้นค่อนข้างจะหายากสำหรับบางคนที่ไม่รู้จัก แต่สำหรับอู่บริการซ่อมรถต่างๆจะสามารถติดต่อหารถยกให้เราได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากเราใช้บริการอู่นั้นๆเขาก็จะจัดหารถยกให้เรา ซึ่งการขนย้ายจะง่ายกว่าการใช้รถยนต์ผูกเชือกแล้วให้ดึงกันไปตามถนน เพราะรถบางคันไม่สามารถที่จะทำได้ หรือ บางคนหากไม่เคยลากรถด้วยวิธีนี้อาจเกิดความเสียหายได้มากกว่าเดิม แล้วเราจะหาบริการรถยกได้จากไหน แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีที่สะดวกคุณสามารถหารถยกได้ง่ายๆ หรือ บางครั้งก็จะเจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำให้เพราะมีรถยกที่ทำงานกับทางราชการคอยให้บริการอยู่ เพราะบางครั้งทางตำรวจเองก็จะต้องใช้รถยกในการเคลื่อนย้ายรถในคดีต่างๆ

การเคลื่อนย้ายด้วยรถยกนั้นสะดวกเพราะตัวรถจะมีอุปกรณ์สำหรับยกและลากอยู่ด้านท้ายรถ และมีอุปกรณ์เสริมที่สามารถทำให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก หรือแม้แต่ไม่สามารถยกลากไปได้ ตัวรถยกก็สามารถบรรทุกรถที่มีปัญหาไปส่งยังปลายทางได้ ซึ่งแน่นอนว่าราคาค่าบริการนั้นจะมีราคาแตกต่างกัน โดยคิดตามระยะทาง และ สภาพในนการเคลื่อนย้าย เช่น หากสามารถลากไปได้ราคาก็จะไม่แพงนัก แต่หากต้องบรรทุกกลับอย่างเดียว ก็จะราคาสูงขึ้นมาอีก เพราะต้องใช้รถยกขนาดใหญ่ และการทำงานก็หลายขั้นตอนกว่าการยกลากอย่างเดียว และด้วยประสิทธิภาพของเครื่องมือที่พร้อม และ ความชำนาญของผู้ขับรถยก ซึ่งจะช่วยให้รถที่ยกนั้นไม่เกิดความเสียหายเพิ่มเติมตั้งแต่การเริ่มยก จนถึงลากไปยังจุดหมายปลายทาง เจ้าของรถที่ใช้บริการรถยกจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน และ รถยกเองนั้นก็มีหลายแบบ ทั้งรถยกที่ผลิตมาเพื่อการเป็นรถยกจริงๆ หรือ แม้แต่การดัดแปลงจากรถปิคอัพ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ว่าเราจะเลือกรถยกแบบไหนให้มายกรถของเราหากเกิดอุบัติเหตุ หรือ เสียอยู่บนถนนโดยที่เราไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็คือความสะดวกไม่ว่าจะยกแบบไหนก็ตาม

Friday, August 1, 2014

SUZUKI HAYABUSA GSX1300R สุดยอดเจ้าแห่งสนาม

SUZUKI HAYABUSA GSX1300R




สุดยอดเจ้าแห่งสนาม ได้ฤกษ์เปิดตัวรถใหม่เช่นกันสำหรับรถจักรยานยนต์ที่ทางซูซูกิ ตั้งใจให้เป็นเจ้าแห่งความเร็วและแรงที่สุดในทุก ๆ สนาม

SUZUKI HAYABUSA GSX1300R เป็นรถจักรยานยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยสมรรถนะสูงสุดทำให้รถในตระกูล Suzuki GSX-R1000 เป็นเจ้าแห่งสนามและกวาดรางวัลมาแล้วมากมายจากทั่วโลก รู้จัก SUZUKI HAYABUSA GSX1300R

เป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีความเร็วและแรงสูงสุดเพื่อให้เป็นเจ้าแห่งทุก ๆ สนาม ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังและการดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพและสมรรถนะ ทำให้ SUZUKI HAYABUSA GSX1300R เต็มไปด้วยขุมพลัง ความแข็งแรงและความแข็งแกร่งเหนือกว่ารถรุ่นใด ๆ

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ SUZUKI HAYABUSA GSX1300R

  1. SUZUKI HAYABUSA GSX1300R มาด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ ทรงพลัง 
  2. แรงบิดสูงสุดทุกรอบด้วยความเร็วที่โลดแล่นตามที่ใจคุณปรารถนา 
  3. โครงสร้างพัฒนาให้พร้อมสำหรับทุกการขับขี่ 
  4. ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 
  5. ช่องดักอากาศที่มีประสิทธิภาพช่วยให้อากาศไหลผ่านได้ดี 
  6. ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดที่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น 
  7. แหวนลูกสูบที่มีน้ำหนักเบาที่เคลือบสาร โครม-ไนเตรด (Chrome-Nitride) 
  8. สามารถเพิ่มกำลังอัดได้ถึง 12.5:1 
  9. วาล์วไอดีและท่อไอเสียที่เป็นแบบไทเทเนียม 
  10. ก้านสูบใช้วัสดุโครม-โมลิบดินัม สตีล-อัลลอยด์ (Chrome-Molybdenum Steel-Alloy) 

หัวฉีดและระบบควบคุมเครื่องยนต์กล่องสมองกลอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพ

  1. SUZUKI HAYABUSA GSX1300R มีระบบหัวฉีดแบบดิจิตอลและระบบควบคุมเครื่องยนต์ของกล่องสมองกลอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพและสมรรถนะที่มีกำลังสูงสุด ซึ่งควบคุมด้วยหน่วยความจำขนาด 32 bit 1024 kb ไมโครโปรเซสเซอร์ 
  2. วาล์วลิ้นปีกผีเสื้อ 2 ชุด วาล์วชุดแรกถูกควบคุมโดยคันเร่งและวาล์วชุดที่สองถูกควบคุมโดยระบบควบคุมเครื่องยนต์ฯ 
  3. พร้อมด้วยเทคโนโลยี Suzuki Dual Throttle Valve (SDTV) System สำหรับสนามแข่ง 
  4. เกียร์ตอบสนองทุกแรงบิด 
  5. ระบบ SDTV ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์แบบและให้แรงบิดสูงสุดที่ยอดเยี่ยม 
  6. ระบบ Suzuki's Plused-AIR (PAIR) ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ 
  7. ช่วยลดก๊าซไอเสียที่เป็นคาร์บอนมอนน็อกไซด์และไฮโดรคาร์บอน อย่างมีประสิทธิภาพ


โครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแกร่ง แข็งแรงและทนทาน

  1. โครงสร้างตัวถังถูกออกแบบมาให้ใช้ ทวิน-สปา อะลูมิเนียมอัลลอยด์ เฟรม (Twin-Spar Aluminum-Alloy Frame) 
  2. ระบบเบรกจากสนามแข่งด้วยระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มม. 
  3. คาลิเปอร์อะลูมิเนียมแบบ 4 พอร์ตจาก TOKICO ให้การเบรกทรงประสิทธิภาพดีเยี่ยม 

หน้าปัด มาตรวัดและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ SUZUKI HAYABUSA GSX1300R 

  1. แผงหน้าปัดมีมาตรวัดความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ซึ่งได้แก่ มาตรวัดเชื้อเพลิง มาตรวัดอุณหภูมิและมาตรวัดความเร็ว 
  2. ไฟหน้าและไฟหลังที่ดูโดดเด่นและมีความโฉบเฉี่ยวสมกับที่เป็น SUZUKI HAYABUSA GSX1300R 
จากสมรรถนะที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เรามั่นใจในความแข็งแรง แข็งแกร่งและทรงพลัง รวมทั้งความตั้งใจที่ทางซูซูกิอยากให้ SUZUKI HAYABUSA GSX1300R เป็นเจ้าแห่งความเร็วที่ยากจะหาใครเปรียบ…